สัปดาห์ที่ผ่านมา หลบไปพักผ่อนที่เมืองกุ้ยหลิน ประเทศจีนมา
กลับมาถึงคำถามแรกที่ทุกคนถามกัน คือ อาหารกินได้มั้ย อาหารรสชาติเป็นยังไงบ้าง
กลับมากินส้มตำไปรึยัง ไม่ได้ถามถึงเรื่องสถานที่เที่ยวเท่าไหร่เลย ทั้งที่เป็นเมืองที่สวยงาม
คงจะเห็นว่าข้าพเจ้าเอาดีทางด้านของกินสินะ ตอนแรกว่าจะเขียนบล็อคไว้เป็นวันๆ
แต่คิดไปคิดมา แยกเป็นเรื่องๆ ไปดีกว่า บล็อคแรกตามคำเรียกร้องพูดถึงเรื่องของกินเลยละกัน
อาหารกุ้ยหลินส่วนใหญ่มีรสชาติจืดๆ ด้วยความที่ตัวเองชอบอาหารรสจัด
พอกินอาหารจืดปุ๊บ เลยรู้สึกว่ามันไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ อาหารจืดของไทย ยังรสจัดกว่าที่กุ้ยหลินอีก
พอมาทานอาหารจีนที่กุ้ยหลิน มีความรู้สึกว่า อาหารที่ไต้หวัน ที่คราวก่อนไปอร่อยกว่าเยอะ
หรือว่ามันอยู่ที่ร้านที่เค้าพาไปกินรึเปล่าไม่รู้ แต่ถามใครต่อใครที่เคยไปมาก็บอกว่ารสชาติไม่ถูกปากเหมือนกัน
อย่างนี้คงเป็นเหมือนกันหมด ที่คนบ้านเค้ากินรสชาติอาหารแบบนี้
ไปคราวนี้ตอนแรกคิดว่าน้ำหนักต้องขึ้นแน่ๆ เพราะอาหารจีนตามที่ทุกคนก็รู้กันอยู่ มันๆ แป้งๆ
แต่แปลกที่ไปวันแรกๆ กางเกงยังฟิตอยู่ พอวันหลังๆ กางเกงหลวมขึ้น
บล็อคนี้เลยขอรวมรวมรูปอาหารที่รับประทานตลอดระยะเวลา 6 วัน 5 คืนมาฝากกัน
ภาพอาหารอาจจะไม่ได้แจ่มมาก รูปเบลอบ้างอะไรบ้าง เพราะรีบถ่าย เกรงใจเพื่อนร่วมโต๊ะที่ทานด้วยกัน
ครั้งนี้ส่วนใหญ่กินในโรงแรม กับร้านอาหารพื้นเมือง ซึ่งไม่ว่าที่ไหนก็คงเหมือนกัน
ที่อาหารพื้นเมืองรสชาติจะดีกว่าอาหารในโรงแรมแน่ๆ อยู่แล้ว
ก่อนขึ้นเครื่องจากกรุงเทพ เริ่มหิว เลยซื้อข้าวเหนียวมะม่วงที่สนามบินกล่องละ 180 มาหม่ำรองท้องก่อน
อร่อยดี แต่น่าจะมีถั่วเหลืองกรอบโรยซะหน่อยเพื่อความสวยงามด้วย
ครั้งนี้บินไปกับ Go Holiday Tour สายการบิน China Southern Airline
อาหารกลางวันบนเครื่องเป็นข้าวไก่อบ กับขนมปังเปล่าๆ เอามาทาเนย พอกินถูไถได้
เมื่อไปถึงกุ้ยหลินเวลาเย็น ก็ทานอาหารเย็นในโรงแกรมที่พักเลย ไปกัน 14 คน แบ่งได้เป็นสองโต๊ะพอดี
แต่แปลกที่ที่นั่งโต๊ะละ 7-8 คน แต่ไม่รู้สึกว่ามีมื้อไหนกินแล้วอิ่มแบบจริงจัง ทั้งที่อาหารก็มาเยอะ (แต่บางอย่างก็ไม่อร่อยกินเหลือ)
อาหารเย็นวันแรก: โรงแรมที่พัก Garden Holiday
ประเดิมด้วยหมูติดกระดูก แทะๆไปเจอกระดูก แต่ละคนก็หยิบชิมๆ กัน แล้วก็วาง จานนี้เหลือจ้า
ตามด้วยผัดเห็ดเข็มทอง ใส่พริกหยวก ใส่คล้ายๆ ผักบุ้ง ใส่หมู จานนี้ค่อยเค็มขึ้นมาหน่อย กินกับข้าวก็โอเค
แต่แอบบ่นข้าวที่เมืองจีน โปะมาเป็นก้อนๆ ข้าวแข็งๆ ทำให้ไม่ค่อยอยากกินข้าวเท่าไหร่เลย
ปลาจีน หั่นมาสวยงาม รสชาติเฉยๆ ก้างเยอะระดับ 10 ต้องกินดีๆ ไม่งั้นอาจมีติดคอ
ไข่เจียว จานนี้อร่อยสุดในมื้อแรกละ ไข่เจียวทำง่ายสุดแล้วต้องอร่อยนะ ใส่ผักต้นหอมลงไปนิดหน่อยก็โอเค
อาหารจีนส่วนใหญ่ต้องมีผักอย่างนี้ แล้วก็เหลือกันบานทุกมื้อ
แอบจินตนาการว่าต้องเป็นลูกชิ้นกุ้งแน่ๆ กัดลงไปว๊าย..ลูกเดียวพอจ้ะ ลูกชิ้นแป้งๆ เผือกๆ ใส่หอมใหญ่
ลักษณะคล้ายกุนเชียง มันๆ กับหมูยอ กินได้หน่อย
น้ำซุป ตอนแรกคิดว่าน้ำล้างถ้วยรึเปล่า จืดสนิทศิษย์ส่ายหน้า ข้างในมีข้าวโพดต้มให้แทะเล่นๆ อยู่หลายฝัก
ที่เด็ดสุดของมื้อนี้คงเป็นขาหมู น้ำซอสมันอร่อยดี หวานๆ เค็มๆ รสกลมกล่อม ราดข้าวรสเยี่ยม
แต่ขาหมูจีนทุกที่ชอบเอาชิ้นมันๆ ใส่เข้ามาด้วย คนบ้านเค้าอาจจะกินหมดก็ได้นะ แต่คนไทยเฮลตี้เลยเหลือชิ้นที่มันสุดติ่งไว้
วันแรกยังเป็นมื้อเกรงใจ อาหารแต่ละอย่างจืดมาก แต่เค้ามีซีอิ๊วพริก คล้ายๆ น้ำปลาพริกบ้านเรา (ลืมถ่ายมา)
ซึ่งทำให้กินอาหารลงมากขึ้น ครั้งนี้เลยตักพริกจ้วงเข้าปากไปเยอะมาก จนทุกคนหาว่ากินเผ็ดเก่ง
ถ้าไม่กินพริก อาหารจะกินไม่ค่อยลงจริงๆ นะ แต่กินพริกเยอะๆ ก็อร่อยช่วงบน ลำบากช่วงล่างในเช้าวันรุ่งขึ้นนะฮะ
คนจีนชอบดื่มน้ำอุ่นๆ ดื่มชา แต่ชาที่โรงแรมนี้ก็จื๊ดจืด ไม่ค่อยมีกลิ่นของชาเลย แล้วบ้านเค้าก็ไม่กินน้ำแข็ง
น้ำอัดลม เค้าจะกินแบบไม่ใส่น้ำแข็งกันเลย ไกด์เล่าให้ฟังว่า มาเมืองไทยซื้อน้ำอัดลมถุงๆ แม่ค้าตักน้ำแข็งใส่ใหญ่
ไกด์เลยหันไปบอกแม่ค้าว่าซื้อน้ำ ไม่ได้ซื้อน้ำแข็ง
ถึงอากาศที่จีนจะร้อนแค่ไหนเค้าก็ไม่กินน้ำแข็งกันจริงๆ นะ คงเพราะผู้ใหญ่สอนๆ กันมารุ่นต่อรุ่นเรื่องว่าอวัยวะภายในไม่ชอบเย็น ไม่ชอบชื้น จะทำให้ป่วยได้
ลองชิมเบียร์ดูแก้มขาหมู จืดๆ เบาๆ อ่อนๆ ดูผู้หญิงกินได้
อิ่มแล้วก็นั่งมองเพดานกันไป
ปิดท้ายด้วยผลไม้ ส้มจี๊ด รสชาติดี หวานๆ เปรี้ยวๆ แก้เลี่ยน พุงยังเหลือพื้นที่อีก 40% เข้านอน
อาหารเช้าวันที่ 2 : ในโรงแรม Garden Holiday
อาหารเช้าในโรงแรม มีอาหารแค่ไม่กี่อย่าง และเหมือนกันทุกวัน ย้ำ เหมือนกันทุกวัน (เมนูเดิมเด๊ะๆ) เลยถ่ายมาให้ดูแค่วันเดียวพอ
ลงมาถึงจะมีเจ๊คนนึงหยิบไข่ใส่จานหลุมให้คนละฟอง จะกิน 2 ฟองก็คงจะได้ หยิบตะเกียบ ช้อนให้พร้อม
ถาดแรก คล้ายๆ ก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ๊ว แต่จืดๆ
หมั่นโถว ไม่มีไส้ ไม่มีแยม ไม่มีเนยให้ทา กินจืดๆ อย่างนี้นั่นแหละ
คล้ายๆ ข้าวต้มมัด แต่ข้างในลักษณะคล้ายบะจ่าง ห่อเป็นแหนมตุ้มจิ๋ว จืดๆ
มัน มีรสชาติหวานขึ้นมานิดนึง แต่ไม่มีน้ำตาลให้จิ้มนะ กินแบบนี้แหละ
ไส้กรอก หน้าตาแดงๆ เหมือนไส้กรอกขนมโตเกียวบ้านเราที่ดูไม่ค่อยหน้ากิน แต่รสชาติโอเคอยู่ เค็มสุดแล้วในบรรดาทั้งหมด
แตงกวาน้ำเจิ่ง คล้ายๆแตงกวาที่ทำกิมจิเกาหลี แต่รสชาติเฉยๆ เผ็ดๆ นิดหน่อย ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำน้ำเยอะขนาดนั้น
มีข้าวต้มน้ำใส ใส่ไข่เยี่ยวม้าน้อยนิด และน้ำเต้าหู้น้ำใส รสจืดสนิท แต่มีน้ำตาลทรายวางข้างๆ ให้เติมความหวาน
เครื่องเคียงรสชาติเค็มๆนิดนึง และพริกเผาเค็มๆ เผ็ดๆ ไว้กินกับข้าวต้ม
ไกด์อุตส่าห์ให้โรงแรมทอดไข่ดาวให้ และมีแมกกี้มาให้เหยาะ แถมโยเกิตรสธรรมชาติให้ด้วย
อาหารกลางวัน วันที่ 2 : ภัตตาคารใกล้นาขั้นบันไดหลงจี๋
อาหารยกมาวางด้วยความรวดเร็ว จานแรกก็มันซะแล้ว
ไข่เจียวหน้าตาและรสชาติใกล้เคียงกับที่กินไปเมื่อวาน
ผัดผักกระหล่ำเหมือนเดิม
ปลาตัวเล็กตัวน้อยทอด ค่อยอร่อยขึ้นมาหน่อย
มันแห้งๆ ไม่หวานมาก
เต้าหู้ทรงเครื่อง ที่จืดๆ เผ็ดนิดๆ
เห็ดหน้าหมู จะบอกว่าหมูที่นี่เค้าเลี้ยงแบบธรรมชาติ สัตว์อย่างอื่นก็เช่นกัน ทำให้บางทีรู้สึกมีกลิ่นสาบๆ อยู่
กำลังจะตักอาหารเข้าปากก็มีคนในร้านมาร้องเพลงให้ฟัง เสียงแจ๋วกันเลยทีเดียว ร้องเพลงก็เอาเหล้าหวานมาให้
ใครใจดีก็เอาตังวางใส่ในถาด
รสชาติหวานๆ ไม่เหมือนเหล้าเลย มีใส่เมล็ดข้าวมาด้วย
กินเสร็จ เดินออกมารอรถด้านนอก เจอน้องหมาท่าทางอัธยาศัยดี กระดิกหางดิ๊กๆๆๆ ผอมกะหร่องก่อง
กล้าๆ กลัวๆ จะเดินเข้าร้าน ดูท่าทางจะหิวโหยจัด พนักงานในร้านเค้าก็ไม่สนใจ
พอเจอลูกทัวร์ใจดี เลยหยิบเศษอาหารเหลือๆ โยนให้กิน มันก็คงจะดีใจเนอะ
อาหารเย็นวันที่ 2: ภัตตาคาร
มาถึงก็วางเบียร์ กับน้ำแข็งไว้เลยจ้า อันนี้ไม่ได้ชิม
เกี๊ยว มาแบบไม่ร้อนเท่าไหร่ ข้างในเป็นไส้หมู รสชาติพอใช้ได้
น้ำซุปเห็ด จืดๆ
ปลาจีน ที่ก้างเยอะเหมือนเดิม
ผัดผักกับเห็ด เกือบจะอร่อยละ
แห้วคริสตัล ข้างนอกเป็นแป้งเคลือบน้ำตาล รสชาติหวานๆ กรอบๆ แต่มาตอนเย็นแล้วเลยแข็งโป๊กเป๊ก ข้างในเป็นแห้ว
เผือกอัดเป็นลูกกลมๆ ชุบแป้งทอด
กุ้งตัวเล็กทอดกรอบ จานนี้อร่อยหน่อย
หมูทอด เหนียวๆ นิดนึง
เป็ดปักกิ่งที่ไม่กรอบ และมีกลิ่นสาบเล็กน้อย
กินกับแป้ง น้ำราดซีอิ๊วดำรสหวานๆ เค็มๆ เหนียวแบบแปลกๆ
เป็นมื้อที่อิ่มพอประมาณ ไม่ถึงกับมาก
อาหารเช้าวันที่ 3 อาหารเหมือนเช้าวันที่ 2
อาหารกลางวันวันที่ 3: ภัตตาคารในเมืองหยางซั่ว
ตกแต่งร้านได้แปลกตาขึ้นมานิดนึง
ต้มซุปฟักรสชาติจืดๆ
ไก่ก็จืด อยากได้น้ำปลาเลย
ปลาก้างเยอะเหมือนเดิม
ไข่มะเขือเทศ เน้นมะเขือเทศเยอะกว่า
ผัดหมี่จืดๆ
มันหมูกับเผือก แทบจะไม่มีใครแตะเลย เพราะมันมาก
ของเด็ดประจำร้าน เผือกคริสตัล คล้ายๆแห้วคริสตัล แต่ดูอร่อยกว่า จานนี้เกลี้ยง
อาหารเย็นวันที่ 3: ภัตตาคารโรงแรมในเมืองหยางซั่ว
ตลกมาก ตรงที่ไกด์เป็นคนขี้ลืม ขับรถไปถึงร้านละ คนในรถก็มองออกไปที่ร้าน เอ๊ะทำไมร้านมันมืดๆ ดูร้างๆ
มึนกันทั้งคันรถอยู่นาน ปรากฎว่าไกด์พาไปร้านผิด จริงๆ ต้องไปกินที่โรงแรม เพราะวันนั้นร้านนี้ปิด เลยมูฟไปที่โรงแรม ซึ่งอาหารก็รสชาติธรรมดาๆ
มีเมนูปลาแช่เบียร์ ซึ่งมีแต่ก้าง เนื้อหายไปไหนหมดไม่รู้ รสชาติก็เฉยๆ มาก แต่เค้าบอกว่าเมนูขึ้นชื่อของเมืองนี้คือ ปลาแช่เบียร์ เพราะฉะนั้นทุกร้านก็จะขายปลาแช่เบียร์เหมือนกันหมด แต่รสชาติแต่ละร้านก็จะไม่เหมือนกัน อย่างกับกินอาหารคนละอย่างเลยทีเดียว
กุ้งจานนี้พอใช้ได้
ผัดถั่วงอก นอกนั้นไม่ได้ถ่ายมา เพราะหน้าตาและรสชาติก็ดูจะคล้ายๆเดิม
อาหารแหย่กระเพาะมาก ตกดึก หิวจ้า ไปซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปร้านสะดวกซื้อมาใส่น้ำร้อน
ส่วนใหญ่จะเป็นรสเนื้อ มีรสไก่อยู่กล่องเดียว เลยซื้อมาลอง รสชาติซุปแปลกๆ ดี แต่ก็พอกินประทังชีวิตไปได้แหละ ยังดีกว่าปล่อยให้หิว เป็นโรคกระเพาะ
อาหารเช้าวันที่ 4: โรงแรม West Street Vistra ในเมืองหยางซั่ว
มาถึงก็ไปต่อคิวกินก๋วยเตี๋ยวที่ไกด์บอกว่าอร่อยมาก กำลังลวกเส้นร้อนๆ เลย เป็นเส้นคล้ายๆ อุด้ง ราดน้ำซุปใส่หมู
แล้วก็เติมเครื่องเคียงต่างๆ กันเอง ที่วางเรียงรายอยู่
แอ่นแอ๊นนนนน หน้าตาดี แต่รสชาติจืดเหมือนเดิม ต้องกินกับเครื่องเคียงถึงจะเข้ากัน
รสชาติกินเข้าไปแล้วไม่ได้อร่อยเวอร์วังแบบเหาะได้ แต่ก็เหมาะกับการกินเป็นอาหารเช้าอุ่นๆ ท้อง.. แต่ก็มีบางคนบ่นกลิ่นสาบหมู
มีอาหารและขนมจัดวางไว้มากกว่าที่โรงแรมแรก
อันนี้เป็นแป้งเหนียวๆ ไส้ถั่วรสชาติหวานๆ หน้าตาดูไม่ดี แต่เราชอบอร่อยดี รสคล้ายๆ กาลอจี้บ้านเรา
มีของกินมากขึ้นนิดนึง
อันนี้แปลก เป็นแยมโรลไส้แยม แต่ใส่หมูหยองไว้ด้านบน แปลกดี แต่รสชาติไม่ถูกปาก
อาหารกลางวัน วันที่ 4: ภัตตาคารในเมือง
น้ำซุป มีรสชาติขึ้นมานิดนึง
ไข่เจียวระดับมาตรฐาน
เผือกกับหมู ดูดีขึ้นมาหน่อยกับวันก่อน
เห็ดหูหนูเค็มนิดหน่อย จานนี้อร่อยดี
เห็ดกับหมูน้อย
เป็ดจานนี้อร่อยสุดแล้วในเป็ดที่กินทั้งหมดในทริปนี้ หนังกรอบ ไม่มีกลิ่น
อาหารเย็นวันที่ 4: กลับมาที่ภัตตาคารในกุ้ยหลิน
ผัดเห็ด
จานนี้แอบเสียดายวุ้นเส้นที่ทำไม่สุก เหมือนทำไว้เพื่อความสวยงามเฉยๆ
มะเขือชุบแป้งทอด เกือบจะอร่อยละ
เป็ดมาอีกละ แต่ไม่อร่อย ไม่กรอบแถมมีกลิ่นสาบอีกแล้ว
ของหวาน แป้งๆ จิ้มน้ำตาลทรายขาว รสชาติจืดๆ
อาหารเช้าวันที่ 5 : กลับมาที่โรงแรมเดิมวันแรก อาหารก็หน้าตาเหมือนเดิม จนแอบคิดว่า 365 วันเค้าไม่คิดจะเปลี่ยนเมนูเลย ?
อาหารกลางวันวันที่ 5: ภัตตาคารในกุ้ยหลิน
การตกแต่งร้านดูสวยกว่าวันที่ผ่านๆ มา
มาถึงก็มีคนเอาขนมมาขายให้ชิมดู เผื่อมีคนซื้อ รสชาติเหมือนขนมปังกรอบ
หมูเต้าหู้มาอีกแล้ว กลิ่นหมูแรงมาก >.<
ปลาก้างเยอะทุกมื้อจนชิน ทำใจซะเถอะ
รสชาติเฉยๆ อีกแล้ว
รสชาติแปลกๆ อธิบายไม่ถูก แต่มีกลิ่นสาบหมู
เปาะเปี๊ยะไม่กรอบมาก แป้งๆ รองด้วยคล้ายๆ ข้าวคั่วที่แข็งๆ
ซุปรสชาติโอเคกว่ามื้ออื่น มีลูกพรุนด้วย
กุ้งเต้าหู้ มันๆ
ยังดีมีน้ำมะม่วงผสมกีวีรสชาติดีขึ้นมานิด
ขนมจืด ลักษณะคล้ายๆ ขนมชั้นบ้านเรา แต่ขนมชั้นอร่อยกว่าเยอะ เห็นขนมแบบนี้มีแพ็คใส่กล่องขายด้วยนะ
อาหารเย็นวันที่ 5 : โรงแรมในเมืองกุ้ยหลิน
ภาชนะสวย ผ่าน เห็นน้ำพริกที่วางอยู่นั่น น้ำพริกกุ้งบ้านเรา เห็นคนชาติอื่นเค้าไปเค้าก็ต้องพกเครื่องเคียงบ้านเค้าไปด้วย เช่นเกาหลี ไกด์เค้าก็เอากิมจิไปกินกับอาหารจีนด้วย
ของทอดก็กินได้นิดนึง คล้ายๆ ฟักทอง
ปลาทอดซีอิ๊ว จานนี้ใช้ได้ อร่อยดี
ปิดท้ายด้วยการฉลองวันเกิดให้หัวหน้าทัวร์ น้องบิว ไกด์แอบใส่ใจ ลูกทัวร์เลยได้กินเค๊กเปรมปรีดา
สรุปเค๊กอร่อยสุด บางเบา ฟิน
อาหารเช้าวันที่ 6 : ข้าวกล่องบนรถทัวร์
เนื่องจากวันสุดท้ายต้องเดินทางกลับไปสนามบินแต่เช้า เลยได้อาหารกล่องที่แพ็คมาจากโรงแรม
เปิดมาคิดในใจชั้นจะอิ่มมั้ย เอาน่ะ กินเพื่อความอยู่รอด ฮ่าๆ
ทริปนี้เลยไม่ค่อยประทับใจเรื่องของกินเท่าไหร่
เพราะเค้าบอกว่าอาหารจีนที่ถูกปากคนทั่วโลกส่วนใหญ่จะเป็นอาหารจีนกวางตุ้ง
อันนี้มาบ้านเมืองเค้าก็ต้องกินให้ได้ มันก็ไม่ใช่ว่าจะกินไม่ลงเลยทีเดียว แค่ไม่อร่อยถูกปากเท่านั้นเอง ^^
อยากบอกว่า.. มากุ้ยหลิน อย่าคิดถึงเรื่องกิน ให้เที่ยวชมวิวทิวทัศน์สวยๆ งามๆ ดีกว่า