เช้าๆ ที่มุยเน่
ออกจากโรงแรม ข้ามไปฝั่งตรงข้าม เจอทะเล ทะเลไม่ค่อยสวย เหมือนพัทยาบ้าน
นั่งรถต่อไปประมาณชั่วโมงครึ่ง ถึงทะเลทรายขาว เป็นทะเลทรายจริงๆ ไม่มีต้นไม้เลย
สภาพอากาศ โชคดีมากที่ไม่เจอฝน แดดไม่ค่อยร้อน และมีลม
สามารถเช่ารถขึ้นไปถ่ายรูปด้านบนได้ คันนึงนั่งได้ 4-5 คน เลยเลือกที่จะเช่ารถ เพราะถ่ายรูปแบบไม่จำกัดเวลา
รถขับขึ้นไปบนภูเขาทะเลทราย สูงเหมือนกัน ถ้าเดินขึ้นไปเองคงไม่ไหว แฮกแน่ๆ
เค้าบอกว่าถ้าเช่ารถ ATV ขับ มันจะมีเวลาของมัน แต่จะสนุกตรงที่ได้ขับเอง และได้ขับลงมาจากทะเลทรายด้านบน สนุกสนาน
ขึ้นไปอยู่บนทะเลทรายด้านบน ต้องใช้เรี่ยวแรงเหมือนกัน เพราะกลัวก้าวผิดแล้วจะกลิ้งลงไปข้างล่าง
หามุมสวยๆ ถ่ายรูป ไม่รู้มุมไหนสวย เป็นทรายเหมือนกันหมด ฮาๆ
หลังจากล้มลุกคลุกคลานกลิ้งเกลือกบนทรายแล้ว ก็ไปล้างเนื้อล้างตัว แล้วนั่งไปทะเลทรายแดงต่อ
มีความรู้สึกว่าทะเลทรายขาว สวยกว่าทะเลทรายแดง
ไปถึงจะมีคนมาขายกระดานเป็นกระดาษแข็งหน่อยธรรมดาๆ สำหรับไถลลงมาจากทะเลทราย แต่แอบเหนื่อยเลยแค่ถ่ายรูปเล่นๆ
ข้ามมาฝั่งตรงข้ามมีน้ำมะพร้าวลูกละประมาณ 50 บาท ขาย พอดูดน้ำเสร็จ ก็เอามาผ่าครึ่งกินเนื้อต่อ
เป็นความโชคดี ที่หลังจากจบทะเลทราย ฝนก็ตกพอดี ขับรถผ่านหมู่บ้านชาวประมง เลยแค่ชะโงกหน้าไปดู
หลังจากย่ำทรายจนขาแดง ก็ไปลุยน้ำกันต่อที่ FAIRY STREAM ลักษณะคล้ายแพะเมืองผี หรือเสาหินนาน้อยของเมืองไทย
ลุยลำธารกันเข้าไป เดินเย็นๆ สบายๆ แต่ต้องระวังบางจุดเป็นทรายดูดแอบยุบฮวบเหมือนกัน
เดินไปประมาณ 20 นาทีได้ ก็ถึง สวยมาก ดูเป็นธรรมชาติอลังการ สีส้มปนขาว ตลอดแนว
ถ่ายรูปจนพอใจแล้วก็เดินกลับทางเดิม ได้เหยียบอะไรที่เป็นเท้าเปล่าแบบธรรมชาติ แล้วรู้สึกสดชื่นดีจริงๆ
หลังจากเหนื่อยกันแล้ว ก็ได้เวลาทานอาหาร หน้าร้านเขียนว่าลอบสเตอร์ตัวละ 8 แสน เอ้าคำนวนกันเร็ว แต่ไม่ได้กินนะ ฮ่าๆ
กินกันที่ร้านนี้ อาหารดูรสชาติไทยกินได้ขึ้นมานิดนึง
เพิ่งจะได้เจอเมนูกุ้งนี่แหละ
อิ่มแล้ว ก็หลับยาว อีก 5 ชั่วโมง กลับโฮจิมินห์ เป็นทริปที่นั่งรถนานมากๆ พักผ่อนเต็มที่กันเลยทีเดียว
ระหว่างทางก็แวะปั๊ม ฝนก็ตก แต่ไม่ใช่อุปสรรคของการกินไอติม ไอติมบ้านเค้ารสนมเด็กๆ
เดินดูว่ามีอะไรกินอีก มีซาลาเปา ลูกเบ้อเริ่ม
และขนมปังใส่ไส้ ที่เป็นของขึ้นชื่อของเวียดนาม ที่ไหนๆ ก็มีขาย
ใส่ไส้หมูแดงมา รสชาติเค็มๆ ก็อร่อยดีนะ
หลับต่อไปถึงโฮจิมินห์ แวะกินข้าวเย็น แล้วเข้าพักที่โรงแรม เป็นคืนสุดท้าย