บล็อคนี้รวบรวมมาจากตอนเขียนลง Pantip เมื่อปี 2015
ไปฮันนีมูนแบบ Slowlife มาที่ญี่ปุ่น 3-8 ธันวาคม แบบไปกันเอง และ No Plan มีแค่ตั๋วเครื่องบิน และที่พัก
เคยไปญี่ปุ่นมาแล้วครั้งนึง แบบไปเองเช่นกัน และแพลนทุกอย่าง ด้วยงบที่ถูกมาก
แต่ครั้งนี้ขอแบบอยู่ดี กินดี สบาย ๆ ชิล ๆ เอาที่สบายใจ
รายละเอียดจำไม่ค่อยได้เท่าไหร่ เลยขอรีวิวแบบลงรูปซะส่วนใหญ่แล้วกันนะ ไหน ๆ ถ่ายรูปมาแล้ว
ถ่ายด้วย Canon กับ Iphone5S ครั้งนี้ถ่ายด้วยโทนสีสดใส เพราะอยากให้ภาพออกมาดูธรรมชาติ
ทริปฮันนีมูนต้องเขียนให้หวานมั้ย ก็คงไม่ เพราะไม่ใช่คู่ข้าวใหม่ปลามัน แต่งงานปุ๊บไปปั๊บ
อันนี้สองปีแล้ว ถึงจะมีโอกาสและหาเวลาว่างไปกัน แต่ก็ถือว่าเป็นการเติมความหวานในชีวิตแต่งงานกันใหม่นั่นเอง
คราวนี้เราบินกับการบินไทยค่ะ 5 ชั่วโมง ตื่นตั้งแต่ตี 5 ขึ้นเครื่อง 8 โมง ง่วงก็ง่วง แต่หลับไม่ลง เพราะข้าง ๆ เป็นแขก นอนกรนสนั่นหวั่นไหว
เลยหาหนังดู ดู Jurassic World กับ Pixel จบไป 2 เรื่อง มีข้าวให้กิน 1 มื้อ กับ Snack 1 มื้อ
ไปถึงญี่ปุ่น สนามบินนาริตะ ประมาณบ่าย 3 รอกระเป๋าโหลดนานมาก ครึ่งชั่วโมงได้ ไปคนแรก ๆ ได้กระเป๋าแทบคนหลังสุด รู้งี้ค่อย ๆ เดินก็ได้ หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟไป Ueno ชอบตรงรถไฟมีห้องน้ำ ดีงาม แล้วนั่ง JR ต่อไปชินจูกุ สถานที่ที่จะพักในโตเกียวต่อ
อากาศประมาณ 10 องศา กำลังสบาย ๆ ไม่หนาวจนเกินไป
จะบอกว่าไปมาหลายที่ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่รถไฟเยอะมาก เยอะจนไม่รู้ว่าไปทางไหน
ทั้งสถานีก็เยอะจนจำไม่ได้ เป็นความงงส่วนตัว เดินตามแฟนอย่างเดียว ถ้าหายไปทีนี่ยืนอยู่ตรงนั้นเลย
มีเอา Pocket Wifi ไปอันเดียวแล้วแชร์กัน ต้องขอเกาะตัวเป็นปลิงด้วย เพราะถ้าพลัดหลงกันทีเดี๋ยวหากันไม่เจอ
ไปถึงชินจูกุแล้ว ไม่รู้ที่พักอยู่ตรงไหน เลยนั่งแท๊กซี่ไปที่พัก (จากที่เคยไปคราวก่อนเมื่อ 4 ปีที่แล้ว คือไม่ได้นั่งแท๊กซี่เลย) ก็ยังคงชอบแท๊กซี่ที่ญี่ปุ่น ให้ความรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก
ถึงที่พักแล้ว เราจองกับ Airbnb แท๊กซี่พาเราไปส่งถึงหน้าที่พัก อยู่ในซอยเล็กๆ เงียบๆ ชื่อ Galicia Yoyogi
เจ้าของใส่กุญแจไว้ในตู้จดหมาย ก็งง ๆ เปิดตู้จดหมายไม่ออก เลยเอามือล้วงไปหยิบแทน
ไปดรอปกระเป๋าลง ห้องแค่นี้ อยู่สองคนก็ถือว่าเพียงพอแล้ว สำหรับการพักในโตเกียว
ห้องสะอาด มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แทบอยากจะอยู่ถาวร เป็นบ้านตัวเอง
มีทั้งเครื่องซักผ้า อุปกรณ์ในครัวครบ แต่มานี่ก็ไม่ได้ทำครัวอยู่ดี มีห้องน้ำอ่างอาบน้ำเล็ก ๆ ฮีตเตอร์
เจ้าของเตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ในห้องน้ำครบได้อีก
มีโซฟา ทีวี เตียงเล็ก ๆ น่ารัก ผ้าห่มอุ่นมาก
ตู้เสื้อผ้า เข้ามุมดี
เตียงเล็ก ๆ เบียดกันนิดนึง อบอุ่น
หลังจากวางกระเป๋าแล้ว ก็นั่งรถไฟต่อ โดยเดินจากที่พักมาสถานีแบบครูพักรักจำที่แท๊กซี่พามาส่ง
ออกไปเจอเพื่อนที่ญี่ปุ่น พาไปกินร้านปิ้งย่าง ที่ Minato-ku ร้าน Midoriya
เด็กเสิร์ฟเป็นฝรั่งด้วย พูดภาษาญี่ปุ่น ไฟแล๊บ และยังมีคนไทยด้วย หนุ่ม ๆ เค้ากินเนื้อกัน ส่วนเราก็ขอเป็นหมู
ให้ทางร้านช่วยจัดมาให้เลย ระหว่างรออาหาร ก็ดูเมนูไป ข้างบนแน่ ๆ อะเป็นวัว
แล้วข้างล่างนี่ตัวอะไร ปากกับใจพูดพร้อมกันว่าหมา น่ารักจังเลย
ทายผิดสิคะ มันคือกวาง กวางอะไรหน้าตายังงี้ฮะ ตลก ขำตัวเอง
ที่นี่กิมจิ อร่อย ถั่วงอกกินได้ (ปกติไม่กินถั่วงอก) หนุ่ม ๆ บอกว่า เนื้ออร่อยมาก ฟินมาก ระดับ A5
มันคือเทพของเนื้อวัว เลยแอบสงสัยนึกไปต่อว่า หมู ปลา กุ้ง มีวัดระดับมั้ย
แต่ที่กินนี่ก็อร่อยแหละ หมูนุ่มละลายในปากเลยทีเดียว สมกับราคาต่อหัวประมาณ 6000 เยน (ไม่ใช่บุฟเฟ่ต์นะ) พอดีกินจุ
ตบท้ายด้วยของหวาน ที่กินคนเดียว กินแล้วแบบ อู๊ยย..อร่อยจัง ไม่กลัวอ้วนเลย กลับมาน้ำหนักพุ่งใส่กางเกงฟิตเปรี๊ยะ เป็นพุดดิ้งทั้งหลาย เคลือบน้ำตาลไหม้ ๆ นิด ๆ อร่อยพุงกาง ตอน 4 ทุ่ม (นี่ชั้นกินข้าวเสร็จแล้วแป๊บเดียวก็นอนเลยเหรอ คิดในใจ)
กินเสร็จ โบกมือลาเพื่อน แล้วขึ้นรถไฟกลับชินจูกุ พร้อมกับเดินงง ๆ มั่ว ๆ หาทางกลับที่พัก อาบน้ำ นอน
เก็บแรงไว้เที่ยววันต่อไป
มาเริ่มเที่ยวกันแล้วค่ะ วันแรกที่เที่ยวนี่ตื่นสายกันมาก ประมาณ 10 โมงเช้าของญี่ปุ่นได้ บอกแล้ว ว่าใช้ชีวิต Slowlife จริง ๆ เราออกจากโรงแรม ข้ามถนนไป เจอแหล่งรวบรวมของเทคโนโลยี ขายกันทั้งย่านเลย ทั้งกลางวันกลางคืน ถ้าเทียบง่าย ๆ บ้านเราคงเป็นพวกฟอร์จูน หรือ พันทิป แต่ของขายเยอะจริง เป็นดงเลย เราไปเดินหาตึก Yodobashi
แล้วแฟนก็เสียตังกับค่าเลนส์ไปเรียบร้อย เค้าบอกว่ามันถูกกว่าซื้อที่ไทยเยอะ ไหน ๆ มาแล้วต้องซื้อค่ะ
หลังจากเสียตังกันตั้งแต่เช้า ตอนนั้นก็ 11 โมงแล้ว คงต้องหาอาหารเช้า-เที่ยง ทานแล้วค่ะ
หาร้านกินง่าย ๆ แถว ๆ นั้น ด้วยความ No Plan เห็นร้านไหนชอบก็เข้าร้านนั้น
เจอร้านนี้เข้า อย่าถามว่าชื่ออะไร จำไม่ได้เหมือนกัน อยู่ชั้น 2
มื้อแรกของวัน ขอเป็นเมนูร้อน ๆ ให้อุ่นท้อง
พนักงานดูแลและใส่ใจดีได้อีก ตอนแรกนั่งโต๊ะเล็ก พออาหารมาเต็มโต๊ะ ก็มาบอกว่าย้ายโต๊ะเถอะ ช่วยย้ายให้ด้วย
มาแล้วอาหารที่สั่ง แฟนเรากินอุด้งร้อน ก็อร่อยดีนะ แอบชิม แต่มีความรู้สึกว่ามันไปหน่อย
และก็ต่อด้วยข้าวหน้าหมู อันนี้รสชาติเฉย ๆ
ของเราสั่งเป็นอุด้ง จุ่ม ๆ น้ำซุปร้อน รสชาติดี แต่เคยกินที่อร่อยกว่านี้มาแล้ว และออกมันค่อนข้างมากอยู่ เลยทำให้เลี่ยน
กินอิ่มแล้วก็ไปหาที่เดินย่อยกัน เลือกจะไปกันที่ Shinchuku Central Park
ตอนแรกก็คิดอยู่ว่าจะนั่งแท๊กซี่ หรือเดินไปดี เพราะมันก็ไกลจากจุดที่อยู่ตรงนี้พอสมควร
ถ้าอยู่ไทย คงขึ้นแท๊กซี่ ไม่ก็พี่วินชัวร์ ๆ แต่อันนี้ อากาศก็เย็นสบาย ค่อย ๆ เดินไปเรื่อย ๆ ก็ได้ดูบ้านเมืองของเค้า
ชอบตรงที่ ที่กั้นถนนของเค้าก็ยังน่ารัก เป็นรูปคิตตี้นี่เอง
ถึง Shinjuku Central Park แล้วค่ะ เป็นสวนกลางในชินจูกุ ตั้งอยู่หลังอาคารสำนักงานบริหารมหานครโตเกียว (Tokyo Metropolitan Government Building) ล้อมรอบทั้งสี่ทิศด้วยถนน Honnan Dori, Kita Dori, Junisha Dori, Suido Dori (Minami Dori) ,Koen Dori
ทั้งสี่ด้านต่างมีตึกสูงมากมาย เช่น ทำเนียบรัฐบาล 1 และ 2, Hyatt Regency Tokyo, the Park Hyatt และอื่น ๆ
จะไปเดินสวน เพื่อถ่ายรูปใบไม้เปลี่ยนสี แต่ช่วงที่ไป เหมือนสียังไม่ค่อยเปลี่ยนเท่าไหร่ ใบไม้ร่วงซะเยอะ
ใบไม้ยังเป็นสีเขียว สีดำจำนวนมากอยู่ แต่ก็พอมีให้ได้ถ่ายรูปอยู่บ้าง ไปถึงแล้ว ต้องเสียค่าเข้านะคะ
ทางเข้ามีคุณแม่ที่พยายามถ่ายรูปคุณลูกอยู่ ยอมลงทุนนอน เพื่อให้ได้ภาพสวย ๆ
ต่อไปก็จะเป็นภาพในสวน ที่คงไม่ต้องอธิบายอะไรกันมากก็ได้มั้ง ใบไม้สีเหลือง สีส้ม สีแดง สีเขียว สวยงาม
เดินไปถ่ายรูปไป ในนี้ใช้เวลา 2 ชั่วโมงได้ค่ะ แอบเมื่อยขาเลย มาแวะพัก เข้าห้องน้ำ กินไอศกรีม ดื่มชาร้อน