จากสวนชิจูกุ เราก็เดินไปยังรถไฟ JR ชินจูกุ ขึ้นรถไฟสาย JR Chou จากสถานี Mitaka ออกทางออก South Exit เดินมาถึงป้ายรถเมล์หมายเลข 9
กดซื้อตั๋วรถเมล์ตรงป้ายแบบไปกลับ ผู้ใหญ่ 300 เยน เด็ก 6-12 ปี 150 เยน
(ถ้าไปเที่ยวเดียวให้จ่ายกับคนขับ ผู้ใหญ่ 200 เยน เด็ก 6-12 ปี 100 เยน)
แค่ป้ายรถเมล์ เราก็ไปยืนกรี๊ดกร๊าดแล้วค่ะ
รถเมล์ก็แสนจะน่ารัก เหมือนแมวในเรื่องโตโตโร่เลย
10 นาที ก็ไปถึงป้าย Ghibli Museum, Mitaka (ป้ายที่4) ขากลับให้ขึ้นป้ายเดียวกับขามา ลงที่สถานี Mitaka
ghibli Museum ต้องจองตั๋วล่วงหน้า 4-5 วันขึ้นไป เลยฝากเพื่อนที่เจอเมื่อวานจองไว้ให้ค่ะ
เห็นเค้าบอกว่าสามารถซื้อตั๋วได้ตามตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ Loppi จากร้านสะดวกซื้อ Lawson ทุกสาขาทั่วประเทศญี่ปุ่น
(มีแต่ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น หากไม่เข้าใจสามารถสอบถามพนักงานในร้านได้)
ที่นี่ถ่ายรูปได้แต่ข้างนอกนะคะ ข้างในก็น่ารักดี แต่ถ่ายไม่ได้ เก็บความฟินไว้ส่วนตัว
มีหนัง Ghibli ให้ดู 1 เรื่อง ที่จะสลับหมุนเวียนกันไป คราวนี้โชคดีได้ดูเรื่องหมาหลงทาง น่ารักดี
สำหรับของฝากของ Ghibli ก็น่ารักดี แต่ไม่ได้ซื้ออะไร เพราะเป็นของที่ดูไม่ได้ใช้ประโยชน์มากเท่าไหร่
Ghibli Museum มีโซนอาหาร มี Cafe ด้วย แต่ดูจะแพง เลยไม่ได้อยู่ทาน พระอาทิตย์ตกดินตั้งแต่ 4 โมงกว่า เดินกลับไปขึ้นรถเมล์ อากาศน๊าวหนาว ดูอุณหภูมิประมาณ 10 องศา มีฝรั่งที่ยืนข้างหลังบอกว่า This Area is like America ไอ้เราก็ไม่เคยไปอเมริกา ก็คิดในใจว่าอ้าวเหรอ ฮา ๆ
ลงรถเมล์เสร็จไปลง Mitaka เดินวนหาร้านกินข้าว 1 รอบ แล้วก็มาเจอะที่ร้านนี้
จำไม่ได้อีกว่าชื่อร้านอะไร รู้แต่อร่อย เป็นร้านเงียบ ๆ เปิดเพลงคริสมาสต์สไตล์แจ๊ส ๆ
อิ่มอร่อยแล้ว ตอนนั้นก็เป็นเวลาแค่ประมาณ 6 โมงเย็น จะกลับห้องนอนก็คิดว่าเร็วเกินไป
อยากไปดูไฟคริสมาสต์ ที่ไหนก็ได้ เลยเสิร์ช Google เอา ว่าที่ไหนเดินทางสะดวก
พอได้ที่แล้ว เลยนั่งรถไฟไปลง รปปงงิ แล้วก็เดินหา Tokyo Midtown Garden ไปเดินงง ๆ อยู่นานกว่าจะหาเจอ เค้าจัดโชว์ไฟสวยดี ปิ้ว ๆ ๆ ดูอลังการ คุณภาพวิดีโอออกมา แย่ไปหน่อยนะ ของจริงสวยมาก
ดูโชว์เสร็จก็กลับกัน ไป Drugstore ซื้อของนิดหน่อย จริง ๆ ของใน Drugstore เยอะมากนะ แต่บางทีก็ไม่รู้จะซื้ออะไร
ไม่ได้อ่านรีวิวก่อนไปเดินดูของ ได้มาไม่กี่อย่าง
ที่กันหน้าม้าแตก เคยเห็นคนรีวิวแล้ว ซื้อเป็นแบบหน้าม้าพริ้วไหวได้นิดหน่อยมา ก็ดีนะ อยู่ได้ประมาณครึ่งวันม้าเป๊ะเลย
จบวัน แบบเดินเยอะมาก กลับมาเมื่อยขาเลยทีเดียว แต่พออาบน้ำอุ่นเสร็จก็สบายตัว นอนแผ่หลับปุ๋ยเพราะความเพลีย
ได้ร้านนี้ จำชื่อร้านไม่ได้อีก คิดในใจ วันหลังไปไหนต้องจดชื่อร้านไว้เนาะ
เช้ามา ก็กินซูชิเลยจ้า ที่เลือกร้านนี้เพราะมีเมนูเป็นภาษาอังกฤษ
หลังจากที่เข้าร้านอื่นก็สั่งไม่ถูก มีแต่ภาษาญี่ปุ่นอย่างเดียว
จะไปกดตู้หยอดเหรียญ ก็กดไม่เป็นอีก กดมั่วสั่งไม่ไป ในที่สุดเลยมาหยุดที่ร้านนี้


หอยเม่น ค๊าวคาว กินไม่ค่อยเป็น



กินเสร็จก็คิดได้ว่า ไป Meiji Jinku ดีกว่า แฟนบอกว่าไปญี่ปุ่นทีไรก็ต้องไปที่นี่ทุกที
ที่นี่เคยไปมาแล้ว ครั้งก่อนไปตั้งแต่ตอนเช้ามาก ไม่ค่อยมีผู้คน แต่ครั้งนี้ คนเพียบ
ขึ้นรถไฟไปลงฮาราจูกุ



















ไม่งั้นเราอาจจะต้องมีเสียตังกับแหล่งนี้อีกก็ได้ เสื้อผ้าน่ารักมาก แต่ไม่รู้จะเอามาใส่เมืองไทยได้รึเปล่า ฮาๆ








ร้านเป็นตู้กดสั่ง เป็นร้านเล็ก ๆ มีรูตรงกลาง ให้พนักงานเสิร์ฟเดินไปเดินมาได้ นั่งมองหน้าคนฝั่งตรงข้ามกินไปพลาง ๆ










และกลับมาเดิน Yodobashi เพื่อจองตั๋วรถบัส ที่จะไปคาวากูจิโกะ ที่ Keio Shinjuku Highway Bus Terminal ด้วย
หิ้วเสบียงกลับห้อง ทั้งที่อิ่มจากมื้อก่อนมากแล้ว ได้ใช้ครัวแล้วนิดนึง ทำอะไร ต้มน้ำร้อนไง
ยากิโซบะที่เยอะ อร่อย และอิ่มมาก


ต้องรีบนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องรีบตื่นเช้าขึ้นรถบัสไปคาวากูจิโกะกัน