มอนิ่งกับอาหารเช้าที่ตัวเองกินได้
เช้านี้ออกจากโรงแรมค่อนข้างเช้า เพราะจาก อังการ่า Ankara เข้า อิสตันบูล (Istanbul) ใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมง
น่าแปลกที่ตลอด 5 ชั่วโมง ไม่มีหลับในรถเลย ก็นั่งชมวิว 2 ข้างทางวนไป อาจเป็นเพราะเวลาช้ากว่าที่ไทยก็เลยเหมือนนอนมาพอแล้วก็เป็นได้ ถึงอิสตันบูลแล้ว เราก็ไปทานอาหารกลางวันกันก่อน เข้าเมืองมาถึงเจอสตาร์บัค
เมนูนี้อร่อยนะ ชอบ ข้าวไก่ย่าง กับแผ่นแป้งคล้ายเกี๊ยว แต่เหนียวๆ
เมื่อไปถึงอิสตันบูลที่แรกที่ไป คือ พระราชวังโดลมาบาห์เช เป็นพระราชวังที่สร้างยาวนานถึง 30 ด้วยหินอ่อน สร้างด้วยศิลปะทั้งตะวันตกและตะวันออก
ข้างในเค้าจะไม่ให้ถ่ายรูป แต่ละห้องสวยงาม ปูด้วยพรมราคาแพง
หลายห้องที่ปกติไม่เปิด วันนั้นก็ได้เข้าไปชม นับเป็นความโชคดีมากๆ อีกเรื่อง ส่วนที่ประทับใจสุด คือบันได สวยมากกกก เดินแล้วเหมือนเจ้าหญิงเค้าจะไม่ให้จับอะไร แม้แต่ราวบันได เพราะเป็นคริสตัล
พอออกมาด้านนอก ก็จะเจอชายฝั่งทะเลมาร์มาราในช่องแคบบอสฟอรัส ถ้าเป็นตอนพระอาทิตย์ตก ก็จะสวยงามมากเลย
ออกมาด้านนอก ตรงจุดนี้ จะเป็นสนามกีฬา ที่อัฒจรรย์ด้านหนึ่งจะมองเห็นแม่น้ำด้วย
นั่งรถผ่าน คนตกปลาบนสะพานเยอะมากจริงๆ จะมีร้านอาหารอยู่ใต้สะพาน
พอเข้าอิสตันบูลแล้วการเดินเยอะได้เริ่มต้นขึ้น
ตอนถ่ายภาพนี้ได้ คือชอบมากเลย นั่งกินกันบนทางลาดข้างทางที่มีคนเดินผ่านกัน 2 คน ในขณะที่แดดออกแต่อากาศเย็น ชอบมากๆ มันดูชิลดี
เดินซักระยะใหญ่ ไปวิหารเซนต์โซเฟีย (St.Sophia) ซึ่งเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยึคกลาง ซึ่งสร้างมากว่า 1500 ปี จากเดิมเป็นโบสถ์คริสต์ แต่มีสงครามเกิดขึ้น เลยกลายเป็นมัสยิดของชาวมุสลิม โดยเค้ามีการฉาบปูนปิดทับภาพโมเสกของคริสต์จนหมด
ด้านในตกแต่งแปลกตาดี
มีส่วนที่ขึ้นไปด้านบน ก็จะได้ภาพอีกมุมหนึ่งที่สวยดีเหมือนกัน แต่ขึ้นไปหลายชั้น ทำเอาเหนื่อยอยู่
ลงมาด้านล่างมันจะมีจุดที่ให้เอานิ้วโป้งแหย่รูแล้วหมุน ถ้าหมุนครบรอบแล้วอธิษฐาน คำอธิษฐานจะเป็นจริง
นี่ก็มัวแต่ตั้งใจหมุน ลืมอธิษฐานไปเลยแต่คำของ่ายๆก็เป็นจริงอยู่นะ ดูในคลิป
เค้าก็จะมีรถเข็นมาขายของ แต่ไม่ได้เยอะมาก
มีเกาลัดขาย
เดินไปที่อ่างเก็บน้ำใต้ดิน (Underground Cistern) ซึ่งเป็นอุโมงค์เก็บน้ำที่ใหญ่ที่สุดในอีสตันบูล สามารถเก็บน้ำได้ถึง 80,000 ลูกบาศก์เมตร
ในอุโมงค์เป็นเสากรีกต้นสูงใหญ่เรียงเป็นแถว ภายในมืดมาก และมีเสียงเพลงเหมือนบทสวด
มองไปตรงๆมืดๆ บวกกับเสียงเพลง หลอนๆ ถ้าอยู่คนเดียวนี่น่ากลัวมาก
ด้านในมีจุดถ่ายรูปอีก
นี่คือเสาที่แต่ละต้นไม่เท่ากัน เค้าเลยต้องเอาก้อนหินอะไรมาดันเสาแต่ละต้นให้เท่ากัน และหนึ่งในนั้น คือ เมดูซ่า กลับหัว
ถ่ายออกมานี่มืดสนิท
ออกมาด้านนอก เดินกันต่อ
จุดตรงนี้เหมือนเป็นอนุสาวรีย์หน้าสุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque)
เดินอีกไกลไปกินข้าว มีภาพวาดระหว่างทาง
ไปกินข้าวกันที่ย่านนี้ ร้านอาหารสวยๆเยอะ มีร่มตกแต่งเป็นมุมสวยงาม
แต่มันก็แหว่งๆไปแล้วล่ะ 55
กินร้านนี้
อาหารเย็นเป็นปลา มาทั้งตัวเลยจ้า
กลับโรงแรม พักที่ Courtyard Marriott ห้องกว้างดีนะ
คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายในอิสตันบูล ขอแอบเกเรเล็กน้อย ต่อจากนี้คือไม่อยู่ในโปรแกรมทัวร์นะจ๊ะ
เรานั่งแท๊กซี่ออกมากันจากโรงแรม เพราะระแวกโรงแรมคือไม่มีอะไรเลย เข้ามาในย่านที่มีห้างสรรพสินค้า พอดีน้องที่ไปด้วยกันนัดเพื่อนเอาไว้ ก็ไปจิบกาแฟสตาร์บัคยามค่ำคืนขำๆ
คนตุรกีบางทีเค้าก็ไม่สามารถที่จะอ่านชื่อของคนที่ชื่อไม่เหมือนเค้าได้ เห็นเขียน S มาตัวแรก บอกชื่อไปหลายครั้งก็ยังไม่รู้เขียนว่ายังไง เลยเอามาเขียนเอง จริงๆต้องเป็น C สิ บอแล้วก็ยังเขียน S 555
แล้วนี่คือสั่งสมูตตี้สตรอเบอร์รี่บานานา ได้กาแฟร้อนมา ซึ่งปกติไม่กินกาแฟ แล้วก็ขี้เกียจเปลี่ยนละ อะ กินก็ได้ ก็เลยนั่งซดกาแฟไป เมาท์ไปด้วยกับสาวน้อยจากตุรกี ซึ่งอายุน้อยกว่าเรา 10 ปี นั่งไปซักพัก มีผู้ชายตุรกีมาขอนั่งด้วย อายุราว 45อัพ คุยไปเรื่อยตั้งแต่เรื่องงาน ส่วนตัวยันความรัก แถมมีจิตวิทยาขั้นสูงมากๆ เหมือนอ่านใจคนออกเพียงแค่มองตาหรือแตะมือ แม่นด้วยสิ คุยไปประมาณชั่วโมงกว่า ไอ้เราก็ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง ซักพักพาไป Rooftop จิบเบียร์ เบียร์ตุรกี คือแรงมาก เค้าบอกเองว่ามันจะแรงกว่าปกติประมาณ 2 เท่า คือกินไปนิดเดียวก็รู้สึกแรงละ เลยหยุด ยังไม่ถึงครึ่งแก้วเลย ก็เมาท์ยาวไปจนสนิทใจ จนแอดไอจีอะไรกันเรียบร้อย คิดว่าชวนมาแล้วนางจะเลี้ยง สุดท้ายนางบอกว่า ถ้าเลี้ยงก็เหมือนกับเค้าหวังผลอะไรซักอย่างตอนนั้นก็อิน ก็คิดว่าเออน่าจะเป็นยังงั้นแหละ มันก็จริง นั่งเมาท์ยาวไป เสร็จจากงานเบียร์นางก็พาไปร้านบารากุเลยจ้า แล้วคิดว่านางจะอยู่ด้วย สรุปคือนางชิ่ง บ๊ายบาย สวัสดีนะจ๊ะ ก็เลยเริ่มสงสัยว่านางจะเป็นพวกทำตีซี้คนให้ร้านนู้นร้านนี้ได้ลูกค้ามั้ย เพราะแอบไปส่องไอจีนางก็แปลกๆอยู่ มีลงรูปมีลบรูป เหมือนเค้าบอกว่าบารากุที่ตุรกี คือไม่ผิดกฏหมาย แล้วก็เป็นต้นกำเนิดจากที่นี่ นี่เป็นคนไม่สูบบุหรี่ แต่กลิ่นของบารากุคือผลไม้มากดูหวานมาก เค้าว่ามันจะทำให้มีความสุข ก็อาจจะแค่ตอนนั้นมั้ง นี่ไม่ค่อยรู้สึกอะไรเพราะง่วง อยากนอนมากกว่า 55 แต่ตื่นมาคือเจ็บลิ้นเจ็บปากหนักมาก เป็นค่ำคืนสุดท้ายที่ดาร์คสุดจริง ถ้าใครอยากลองก็มีแนบชื่อร้านไว้ให้ข้างล่าง ส่วนนี่คงครั้งเดียวในชีวิต ทรมานช่องปาก 55 (ลองให้รู้แค่นั้น อย่าลอกเลียนแบบ) กลับมาก็ยังนั่งนึกอยู่ว่าเป็นการหลอกมั้ย ถ้าหลอกก็เป็นคนที่มีจิตวิทยาขั้นสูงมากจริงๆ เท่าที่เจอมาและตามที่เค้าบอกคือ ผู้ชายตุรกี เฟรนด์ลี่มากเวอร์ แต่บางทีก็อาจจะมากไป 555 แต่ก็เอาเถอะ เวลาเที่ยวก็ไปให้สุด อย่าไปคิดอะไรเยอะ แล้วจะได้ประสบการณ์กลับมา
จิบชาวนไป หลายอย่างผสมกันตั้งแต่กาแฟ เบียร์ ชา มันก็จะรวนๆหน่อยๆ
กลับไปตอนตี 2 กว่าๆ อาบน้ำสลบคาหมอน